ประวัติศาสตร์เงินโบราณไทย เงินพดด้วงและวิวัฒนาการเงินโบราณของไทยในอดีต

สมัยสุโขทัย (พุทธศักราช 1792 - 1981)
เงินตราในสมัยสุโขทัย เป็นสกุลเงินพดด้วงที่มีการริเริ่มคิดค้นและผลิตใช้เป็นครั้งแรก มีมูลค่าเท่ากับโลหะเงิน มีรูปร่างเป็นทรงผาย ไม่กลม มีรอยบากขนาดกว้าง มีรูที่ขา มีความเชื่อว่า ชื่อ "พดด้วง" นั้น สันนิฐานว่ามาจาก "ขดด้วง" หรือลักษณะเหมือนตัวอ่อนของด้วงที่งอขดอยู่ในรังไหมนั้นเอง ซึ่งในระยะแรกนั้น เงินพดด้วงมีขนาดและรูปร่างไม่ได้มาตราฐาน เนื่องจากพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ผลิตและก็ยังเปิดโอกาสให้กับพ่อค้า ผู้ครองนคร และประชาชนผลิตได้ด้วยเช่นกัน พดด้วงในยุคนี้จึงมีมาตรฐานไม่แน่นอน และทางการได้มีการปรับน้ำหนักให้เป็นมาตราฐานเดียวกันในเวลาต่อมา ชนิดราคาที่ผลิตก็ตั้งแต่ สองไพ  เฟื้อง สลึง สองสลึง บาท สองบาท และสี่บาท ส่วนตราที่ประทับบนเงินพดด้วงส่วนใหญ่เป็นรูปสัตว์ ได้แก่ ตราช้าง ตราสังข์ ตราราชสีห์ และตราราชวัตร นอกจากเงินพดด้วงแล้ว ในสมัยสุโขทัยยังมีการใช้เบี้ยเป็นเงินตราเบี้ยอยู่ 8 ชนิด ได้แก่ เบี้ยโพล้ง เบี้ยแก้ เบี้ยหมู เบี้ยจั่น เบี้ยนาง เบี้ยบัว เบี้ยพองลม และเบี้ยตุ้ม ซึ่งเบี้ยจั่นเป็นเบี้ยที่นิยมใช้กันมากที่สุด

หอยเบี้ย เบี้ยหอย เบี้ยจั่น

เงินพดด้วงปี 1880 ที่ถูกประมูลไปในปี 2013,2018,2019


สมัยกรุงศรีอยุธยา (พุทธศักราช 1893 - 2310)
เงินตราในสมัยอยุธยา  นั้นยังคงใช้เงินสกุลพดด้วงดังเดิมเดียวกันกับที่เคยใช้ในสมัยสุโขทัย แตกต่างกันที่รูปร่าง ขนาด น้ำหนัก และชนิดของโลหะ เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ตรงปลายขาที่งอจรดกันนั้นไม่แหลมเท่าของเงินพดด้วงสมัยสุโขทัย รอยบากมีขนาดเล็กลง และไม่มีรอยบากในเวลาต่อมา มีรูปร่างได้มาตราฐานและรัฐบาลผูกขาดในการผลิต มาตราเงินที่ผลิตมีหลายชนิด คือ บาท สองสลึง เฟื้อง สองไพและไพ ส่วนเงินปลีกย่อยใช้เบี้ย ตราที่ประทับมีตราจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลมีหลายรูปแบบ เช่น ตราช้าง ตราบัว ตราพุ่มดอกไม้ ตรากระต่าย ตราพุ่มข้าวบิณฑ์ ตราช่ออุทุมพร ตราราชวัตร ตราพระซ่อมดอกไม้ ตราสมอ ตราหางหงส์ และตราครุฑ มีบางตราที่ยังไม่ทราบว่าเป็น ของรัชกาลใด


สมัยธนบุรี (พุทธศักราช 2310 - 2325)
เงินตราในสมัยกรุงธนบุรี ยังคงมีการใช้สกุลเงินพดด้วงที่สืบต่อมาจากสมัยอยุธยาอยู่ ร่วมกับเงินพดด้วงที่ผลิตขึ้นใหม่ในสมัยกรุงธนบุรีด้วย มาตราเงินใช้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับเงินพดในด้วงสมัยอยุธยาตอนปลายทุกประการ ต่างกันก็แต่ตราประจำรัชกาลเท่านั้น ตราที่ประทับใช้ตราจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลยังมีข้อถกเถียงกันแต่มีความเห็นว่าที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดมี 2 ตราคือ ตราทวิวุธและตราตรี


สมัยรัตนโกสินทร์
เงินตราในสมัยรัตนโกสินทร์ ยังคงใช้สกุลเงินพดด้วงดั่งเดิม แตกต่างกันตรงที่ตราประจำรัชกาลที่ใช้ประทับลงบนเนื้อโลหะเงินเท่านั้น และรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีเปลี่ยนแปลงรูปแบบเงินตราครั้งใหญ่ของไทย จากเงินพดด้วงที่ใช้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นเหรียญกลมแบนทรงสากลนิยมเรื่อยมาจวบจนในปัจจุบัน เงินพดด้วงจึงเป็นเงินโบราณที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในอดีตและมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการเก็บสะสมและมีมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นทุกวันในวงการนักสะสมจนถึงทุกวันนี้

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พ.ศ. 2325 - 2342
ในรัชสมัยนี้ ยังคงใช้เงินพดด้วงซึ่งมีลักษณะคล้ายกับของสมัยอยุธยาตอนปลาย ตราที่ประทับ ใช้ตราจักร 8 กลีบเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลเป็นตราบัวผัน (มหาอุณาโลม)

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พ.ศ.2342 - 2367
ลักษณะของเงินพดด้วงในรัชกาลนี้คล้ายกับสมัยรัชกาลที่ 1 แต่เปลี่ยนตราประจำแผ่นดินเป็นรูปจักร 6 กลีบ และตราประจำรัชกาลเป็นตราครุฑ ซึ่งมี 2 แบบคือ ครุฑอกสั้นและครุฑอกยาว

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) พ.ศ.2367 - 2394
เงินพดด้วงในรัชสมัยนี้ ใช้ตราจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลคือตราปราสาท นอกจากนั้นยังโปรดเกล้าฯให้ผลิตพดด้วงที่ระลึกขึ้นหลายตรา ทั้งชนิดที่ทำด้วยทองคำและเงิน ประทับ ตราต่างๆ อาทิ ตราใบมะตูม ตราดอกไม้ ตราหัวลูกศร ตรารวงผึ้ง ตราเฉลว และตราครุฑเสี้ยว ซึ่งโปรด เกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพี่อเป็นที่ระลึกในงานพระเมรุพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2368

รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) พ.ศ. 2367 - 2411
ในช่วงต้นรัชกาล ได้มีการผลิตเงินพดด้วงที่ใช้ตราจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลเป็นตรา พระมหามงกุฎ นอกจากนั้นยังได้มีการผลิตพดด้วงตราพระเต้าและตราพระมหามงกุฏเถาทำด้วยเงินและ ทองคำเป็นเงินตราที่ระลึก ในช่วงปลายรัชกาล ได้ทรงริเริ่มเปลี่ยนรูปแบบเงินตราเป็นเหรียญแบน และ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์เป็นครั้งแรก ที่หน้าพระคลังมหาสมบัติ และพระราชทาน นามว่า "โรงกษาปณ์สิทธิการ"

เงินพดด้วงที่ถูกประมูลไปในปี 2013 และ 2018


เงินตราร่วมสมัย เป็นเงินตราโบราณที่ใช้ในสมัยเดียวกันกับที่ใช้ในอาณาจักรสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ตอนต้น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและมีด้วยกันหลายชนิดเงิน เงินโบราณจะขอหยิบยกอาณาจักรใหญ่ๆ ทางตอนเหนือของไทยมานำเสนอ อันได้แก่ อาณาจักรล้านนาและล้านช้าง ดังนี้
ชมรมสะสมเหรียญโบราณ

เงินตราอาณาจักรล้านนา

อาณาจักรล้านนา สถาปนาขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 12 ดำรงอยู่จนถึงพุทธศตวรรษที่ 24 โดยพญามังราย มีระบบเงินตราเป็นของตนเอง ประกอบด้วยเงินมูลค่าต่ำเรียกว่า "เงินท้อก" และ ส่วนเงินที่มีค่าสูงได้แก่ "เงินผักชีและเงินเจียง" ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการใช้เงินไซซีของจีนในการค้าตามชายแดนอีกด้วย

เงินท้อกเชียงใหม่ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เงินหอย" ทำด้วยโลหะผสม แต่มี เนื้อเงินมากกว่าเงินท้อกชนิดอื่น มีลักษณะคล้ายหอยตลับทั้งตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 14 - 47 มม. ด้านบนนูนสูงเล็กน้อย มีสีดำพื้นผิวย่นเป็นริ้ว ร่องละเอียด อีกด้าน หนึ่งแบนราบ
เงินท้อกน่าน ทำด้วยโลหะผสมเคลือบผิวด้วยโลหะเงิน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15-43 มิลลิเมตร ลักษณะกลมแบน ด้านหน้านูนขึ้นมาคล้ายเงินใบไม้ผิวเรียบ ด้านหลังมีรอยเว้าเป็นแอ่งเข้าไป มักมีสีแดงเป็นมันเคลือบอยู่และเจาะรูเล็กๆ มีริมขอบ สำหรับใช้เชือกร้อยรวมกันเพื่อความสะดวกในการนับ
เงินท้อกวงตีนม้า ทำด้วยโลหะเงินผสม มีลักษณะคล้ายเงินท้อกเชียงใหม่ แต่มีผิวบางมากเป็นพิเศษ ที่ขอบปากล่าง มีตรารูปม้าตอกประทับไว้ โดยที่เป็นเงินที่มีลักษณะคล้ายรอยตีนม้าจึงเรียกกันว่าเงินวงตีนม้า
เงินท้อกปากหมู เป็นเงินท้อกชนิดหนึ่งทำด้วยโลหะผสมมีลักษณะคล้ายหอยโข่ง มีหลายขนาดและน้ำหนัก ด้านล่างมีเนื้อเงินปิดรูโพรงไว้แต่ปิดไม่หมดยังคงเหลือเนื้อที่เป็นรูโพรงไว้ จึงมี ลักษณะคล้ายปากหมู
เงินท้อกหอยโข่ง รูปร่างคล้ายหอยโข่งทำด้วยโลหะเงินผสม ด้านบนนูนขึ้นสูงมากผิวภายนอกเป็นลายเส้นและย่นเป็นริ้ว มีความบางมาก ส่วนด้านล่างเป็น โพรงกลวงลึกเข้าไปภายในไม่มีขอบปากที่ด้านล่าง มีมูลค่าตามน้ำหนัก
เงินใบไม้ เรียกอีกชื่อว่า "เงินเส้น" ทำด้วยทองสำริด มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 28-35 มิลลิเมตร ลักษณะกลมตันแบนเป็นก้นกระทะผิวเรียบ ด้านหน้านูน ส่วนมากมีเส้นเหมือนลายใบไม้ มีมูลค่าต่ำกว่าเงินท้อกชนิดอื่นและจัดว่าเป็นเงินท้อกที่มีมูลค่าต่ำที่สุด
เงินดอกไม้ เรียกอีกชื่อว่า "เงินผักชี" ผลิตจากโลหะเงินผสม แต่มีส่วนผสมของโลหะเงินมากกว่าโลหะชนิดอื่นๆ มีหลายขนาดและน้ำหนักแตกต่างกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 - 100 ม.ม. มีอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกมีลักษณะคล้ายเปลือกหอยและอีกชนิดมีลักษณะแบนเรียบ ด้านหน้ามีลวดลายคล้ายหยดน้ำที่ตกกระจายบนพื้นดูคล้ายดอกไม้หรือผักชี นอกจากใช้ในอาณาจักรล้านนาแล้วยังมีใช้ในประเทศพม่าอีกด้วย
เงินเจียง หรือเรียกอีกชื่อว่า "เงินกำไล" เป็นเงินที่มีมูลค่าที่สูงในอาณาจักรล้านนา รูปร่างเหมือนเกือกม้า 2 อันติดกัน มีรอยบาก 2 รอย ลักษณะคล้ายๆ เกือกม้าสองวงปลายต่อกัน บริเวณที่ต่อกันตอกสิ่วจนคอดกิ่วเกือบขาดออกจากกัน เพื่อให้หักออกได้ง่ายเมื่อต้องการทอนเงิน และใช้สังเกตดูเนื้อในของเงิน ด้านข้างทั้ง 2 ข้างของขาเงินเจียง ตอกตราไว้ด้านละ 3 ดวง เป็นตราบอกน้ำหนัก หรือ มูลค่าตราชื่อเมืองที่ทำขึ้น และตราจักร
เงินไซซี หรือ "เงินมุ่น" มีลักษณะ ขนาด และน้ำหนักต่างกันออกไปตามแหล่งที่ผลิต กล่าวคือ เงินกระทง เงินอานม้า และเงินขนมครก เป็นต้น ผลิตด้วยเนื้อเงินที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก มักจะมีตราอักษรภาษาจีนตอกประทับบน ด้านหน้าและด้านข้าง บอกชื่อเมืองที่ผลิต วัตถุประสงค์ของการใช้เงินนี้ เช่น ภาษีชา ภาษีเกลือ เป็นต้น ด้านล่างมักมีรูพรุน กำหนดมูลค่าโดยน้ำหนักและเนื้อเงิน
เงินไซซี

เงินตราอาณาจักรล้านช้าง
ภายหลังจากที่อาณาจักรสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง อาณาจักรอยุธยาเรืองอำนาจ ดินแดนทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ได้รวมตัวกันเป็นอาณาจักรล้านช้างขึ้น โดยได้ตั้งเมืองหลวงและขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง และมีระบบเงินตราที่ใช้ร่วมกัน คือ เงินฮ้อย เงินลาด และเงินลาดฮ้อย นอกจากนั้นยังมีเงินฮาง และเงินตู้ จากประเทศ อันนัม เข้ามาใช้ตามชายแดนด้วยเช่นกัน

เงินฮ้อย เป็นเงินตราที่มีส่วนผสมระหว่างโลหะเงินและทอง มีรูปร่างคล้ายเรือชะล่า หรือกระสวยทอผ้า หัวท้ายเรียว ความยาวประมาณ 1-6 นิ้ว มีตุ่มขึ้นโดยรอบ และประทับตรารูปต่างๆ เช่น ช้าง งู ตัวอักษร ตัวเลข ดอกไม้ต่างๆ และจักร เป็นต้น ที่เรียกว่า "เงินฮ้อย" นั้น เป็นคำที่ใช้เรียกตาชั่งของชาวศรีสัตนาคนหุต มีอยู่หลายขนาด มูลค่าของเงินฮ้อยจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักและความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินเป็นสำคัญ

เงินลาด เรียกอีกชื่อว่า "เงินเรือ" ทำด้วยเนื้อโลหะทองแดง หรือ ทองเหลือง แล้วลงหินเคลือบผิวสีเงิน มีรูปร่างคล้ายเงินฮ้อย แต่เรียว เล็กกว่า มี 3 ขนาดคือ ใหญ่ กลาง เล็ก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
(1.) มีตราประทับ ตั้งแต่ 1-4 ดวง ตรงกลางเป็นรูปช้าง เต่า ปลา ดอกไม้ และจักรกลม เป็นต้น เงินลาดแบบประทับตรานี้ทางการได้ผลิตขึ้น จึงมีความสวยงามและความปราณีตสูง
(2.) ไม่มีตราประทับ มีหลายขนาดเหมือนกันแต่ไม่มีตราประทับลงไปบนเนื้อโลหะ สันนิษฐานว่าประชาชนที่มีทองแดง ทองเหลือง จึงหล่อขึ้นใช้เอง เนื่องจากเงินชนิดนี้ ไม่ควบคุมในการผลิต

เงินลาดฮ้อย เป็นเงินลาดชนิดหนึ่งที่หล่อขึ้นด้วยทองแดงหรือทองเหลือง มีลักษณะเหมือนเงินฮ้อย แต่ที่หัวและท้ายของเงินลาดฮ้อย จะเรียว เล็กกว่าเงินฮ้อย และไม่มีตราประทับหรือลวดลายใดๆ มีหลายขนาด กำหนดมูลค่าด้วยน้ำหนักของโลหะ เงินลาดฮ้อย เป็นเงินที่มีมูลค่าต่ำสุดในท้องตลาดและประชาชนสามารถหล่อขึ้นมาใช้ได้เอง จึงไม่มีความประณีตมากนัก





เงินโบราณ นั้นมีคุณค่าและเก็บรวบรวมความรู้ทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย แค่เราหยิบเหรียญสักหนึ่งเหรียญขึ้นมาพิจารณาดู และศึกษาอย่างถ่องแท้ จะเห็นถึงความงดงามของเงินตราไทยในอดีต ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาหลายร้อยปี จนถึงมือเราในวันนี้ เงินโบราณขอเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสาน ส่งต่อ ความงดงามของประวัติศาสตร์เหล่านี้สืบไป ชั่วลูกหลานเรา

LOGIN

เข้าระบบเงินโบราณ

LIBRARY

ห้องสมุดเงินโบราณ

เรื่องเล่าเมืองโบราณ ตอน เมืองอุตรดิตถ์
เงินเจียง แห่งอาณาจักรล้านนา
วิธีดูเหรียญ 1 บาท 2520 รัชกาลที่ 9 พิมพ์ ย.ยักษ์ ยิ้ม
จดหมายจากแหลมมลายู สู่ประวัติศาสตร์สี่รัฐมาลัย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รัชกาลที่ 8
นักสะสมเงินโบราณ เริ่มต้นอย่างไร? เก็บเหรียญหรือธนบัตรอะไรก่อนดี?
เงินบาทดิจิทัลมาแล้ว เงินกระดาษอาจมีให้เห็นได้เพียงในพิพิธภัณฑ์เงินโบราณ
เหรียญ 1 บาท รัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2529 ช่อฟ้ายาว-สั้น
เหรียญ 1 บาท รัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2525 พระเศียรเล็ก
เหรียญ 10 บาท รัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2551 มีเรือ
เหรียญสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
เหรียญ 5 บาท รัชกาลที่ 9 ปี พ.ศ. 2546
เงินลาด สมัยอาณาจักรล้านช้าง
หอยเบี้ยจั่น เบี้ยหอยโบราณ กับระบบเงินตราโบราณไทย
ประกับดินเผา สมัยอยุธยาตอนปลาย
เหรียญ ร.6 ช้างสามเศียร ปีไหนหายากสุด ราคาสูงสุด
เหรียญ 10 บาท สองสี รัชกาลที่ 9 กับวัดอรุณราชวราราม
ธนบัตรชนิด 100 บาท แบบ 16
ธนบัตรชนิด 20 บาท แบบ 16 (9 หน้า 9 หลัง)
นาฬิกาแฮนด์เมค คอแลกชั่นเหรียญโบราณ
วิธีดูตำหนิเหรียญชนิด 1 บาท รัชกาลที่ 5 ร.ศ. 127 ของแท้และเทียม (ลูกศรแดงชี้คือของปลอม)
เหรียญ 5 บาท 2540 รัชกาลที่ 9 ผลิตน้อย ราคาสูงจริงหรือ?
ธนบัตรชนิด 20 แบบ 9 (ปลอม)
เหรียญกษาปณ์ชนิด 10 สตางค์ 2500 หางยาว รัชกาลที่ 9
ความรู้เรื่องหมวดบนธนบัตรไทยและหมวดเสริม พ S
10 อันดับเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนหายาก ในรัชกาลที่ 9
การเป็นนักสะสมเงินโบราณที่ดี ควรมีคุณสมบัติอย่างไร ?
วิธีดูเหรียญ 50 สตางค์ 2493 ตัวหนา หรือ ตัวบาง รัชกาลที่ 9
เหรียญ 50 สตางค์ พ.ศ. 2530 รัชกาลที่ 9 หายาก
เหรียญ 10 สตางค์ 2530 เหรียญหายากอันดับที่ 9 รัชกาลที่ 9
ชุดเหรียญกาญจนาภิเษก รัชกาลที่ 9
เหรียญ 5 สตางค์ 2530 รัชกาลที่ 9 อลูมิเนียม ชนิดไม่หมุนเวียน
เหรียญปราบฮ่อ รัชกาลที่ 5
ธนบัตรที่ระลึกชนิด 50 บาท เนื่องในวันราชาภิเษกสมรส ครบ 50 ปี
ย้อนดูสยามประเทศ ในปี พ.ศ. 2511
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในงานปีต้นไม้แห่งชาติ ชนิด 10 บาท
เงินอาณาจักรโบราณ ของสยามประเทศ
วิวัฒนาการเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิด 5 บาท รัชกาลที่ 9
การเก็บรักษาเหรียญกษาปณ์ที่ดีที่สุด
การทดสอบเงินแท้ ด้วยกรดทดสอบเงิน ด้วยตนเอง
ธนบัตรที่ระลึกสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา
ธนบัตรที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา
ธนบัตรที่ระลึกชนิด 10 บาท เนื่องในวาระครบ 120 ปี กระทรวงการคลัง
ธนบัตรที่ระลึกชนิด 1,000 บาท รัชกาลที่ 9 ในวาระต่างๆ
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในอภิลักขิตสมัยมหามงคลวันราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี
ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี แบบต่างๆ
ธนบัตรที่ระลึก 100 บาท รัชกาลที่ 9 ในวาระต่างๆ
ธนบัตรที่ระลึก 100 บาท รัชกาลที่ 9 ในวาระต่างๆ (ต่อ)
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9
ธนบัตรที่ระลึกชนิด 60 บาท เนื่องในโอกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ธนบัตรที่ระลึกชนิด 80 บาท เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 1 บาท ในรัชกาลที่ 9 จากอดีตสู่ปัจจุบัน
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 2 บาท เนื่องในวาระต่างๆ รัชกาลที่ 9
คุณ คือ นักสะสมเงินโบราณระดับไหน
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 5 บาท ในวาระต่างๆ ในรัชกาลที่ 9
การพิจารณาเลือกซื้อธนบัตรแบบยกแหนบ
ข้างหลังภาพ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทำอาหาร"
คำทำนายของโหรหลวงในสมัยรัชกาลที่ 1 กับ 12 รัชกาลในเบื้องหน้า
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 10 บาท สองสี 61 วาระ ในรัชกาลที่ 9
ด็อกเตอร์ คาร์ล ดอห์ริง วิศวะกรโครงสร้างชาวเยอรมัน ในรัชกาลที่ 5
รู้หรือไม่...ธนบัตรไทยผลิตมาจากอะไร? แล้วทำไมเราถึงไม่ผลิตขึ้นใช้เอง?
เงินตราโบราณในดินแดนด้ามขวานของไทย
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 10 บาท สีเดียว ทั้งหมด 47 วาระ
ประวัติศาตร์เหรียญในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8
เงินตราโบราณในสยามประเทศ
ชุดเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกชนิด 20 บาท ทั้งหมด 61 วาระ
เงินตราสมัยสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ 19 - 20)
กาลครั้งหนึ่งกับบ่อนคาสิโนถูกกฏหมายในประเทศไทย พ.ศ. 2488
เงินตราในสมัยกรุงศรีอยุธยา (พุทธศักราช 1893 - 2310)
เงินตราในสมัยธนบุรี (พุทธศักราช 2310 - 2325)
เงินตราในสมัยรัตนโกสินทร์
โรงพิมพ์ธนบัตรแห่งประเทศไทย
ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เงินถุงแดง คือ อะไร ? สำคัญไฉน ?
วงจรธนบัตรแห่งประเทศไทย
มารู้จักสายออกบัตรธนาคารกันเถอะ
เงินราง เงินฮาง เงินลาด เงินฮ้อย เงินตราในสมัยอาณาจักรล้านช้าง
จุดตำหนิระหว่างเหรียญ 5 บาท ปี 2540 กับปี พ.ศ. 2550
วิธีดูตำหนิเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิด 10 บาท สองสี ระหว่างปี พ.ศ. 2533 กับ 2537
ธนบัตรหมุนเวียนชนิด 1,000 บาท แบบ 16 ใหม่ เริ่มออกใช้ 21 สิงหาคม 2558
ธนบัตรเลขสวย แบบไหนถึงเรียกว่าสวยและมีอนาคต
รู้หรือไม่? โรงพิมพ์ธนบัตรไม่ได้พิมพ์เฉพาะธนบัตรเท่านั้น ยังพิมพ์อากรแสตมป์ให้กรมสรรพากรอีกด้วย
การจัดเกรดธนบัตรและเกรดเหรียญ เงินโบราณตามสภาพความสวยงาม
เคยสงสัยไม่? ธนบัตรเก่ายกเลิกใช้แล้ว หายไปไหน? เก็บเข้าคลัง? แล้วไงต่อ?
ธนบัตรชำรุดที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
ธนบัตรที่ระลึก ชนิดราคา 70 บาท เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี
9 อันดับ จำนวนผลิต เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ชนิดราคา 1 บาท รัชกาลที่ 9
10 ช้างเผือก คู่พระบารมี ประจำรัชกาลที่ 9
มาตราวัดมูลค่าของเงินโบราณไทย
ประวัติศาสตร์โรงกษาปณ์ แห่งประเทศไทย
ประวัติศาสตร์เงินสมัยโบราณของไทยในอดีต
วิธีดูตําหนิเหรียญปราบฮ่อ 1239 1247 1249
รู้หรือยัง "ราคาเงินโบราณ" มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่จากในอดีต
ธนบัตรหมุนเวียนแบบ 17 ธนบัตรชุดแรกในรัชกาลที่ 10
ทราบหรือไม่? เงิน 1 บาทไทยในปัจจุบัน มีค่าเท่ากับ กี่เบี้ยในเงินโบราณ
เหรียญดอกบัว เมืองไท ๑๑๙๗ ในสมัยรัชกาลที่ 3
ตามรอย "ตราแผ่นดิน" ตราแผ่นดินของไทยในอดีต
เหรียญ 1 บาท 2517 หายาก จริงหรือไม่? ทำไมถึงราคาสูง?
เหรียญ 5 บาท เรือหงส์ พ.ศ 2529 2530 2531 เหรียญไหนราคาหลักแสน
วิธีดูตำหนิเหรียญ 25 สตางค์ 2500 แบบหนา แบบบาง
วิธีดูตำหนิเหรียญ 1 บาท 2520 ภู่สั้น ภู่ยาว

ABOUT

เกี่ยวกับเงินโบราณ

เริ่มต้นจากผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลเงินตราโบราณไทย ทยอยสรรหาเก็บสะสมเงินตราไทยจากยุคใหม่ลึกลงไปเรื่อยๆสู่เครื่องเทียบเงินตราไทยยุคเก่า เพื่อไม่ให้องค์ความรู้นี้สูญหายและคงอยู่ต่อไปในภายภาคหน้า จึงกำเนิดเว็บบล๊อกนี้ขึ้นมาเพื่อเก็บรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเหรียญ ธนบัตร เงินพดด้วง เครื่องเทียบเงินตราโบราณไทย ไว้สำหรับนักสะสมและผู้ที่สนใจเงินโบราณไทยโดยเฉพาะ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สอบถามองค์ความรู้ ประวัติศาสตร์เงินโบราณไทยทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เสมือนหนึ่งสื่อกลางระหว่างเพื่อนนักสะสมเงินโบราณที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนักสะสมรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ให้ได้พบปะเจอกัน และขอร่วมส่งต่อสืบทอดองค์ความรู้ประวัติศาสตร์เงินโบราณไทยนี้ สู่รุ่นลูกรุ่นหลานสืบต่อไป ...

ติดต่อเงินโบราณ

CONTACT

ติดต่อเงินโบราณ


RSS Feeds

LANGUAGE

Copyright © เงินโบราณ All Rights Reserved. Designed by เว็บผึ้งงาน Powered by Google

สถิติเยี่ยมชมเงินโบราณ

เงินโบราณ Version 2.5